สระว่ายน้ำแบบเอาท์ดอร์บนดาดฟ้าเรือ Royal Princess เป็นสระน้ำที่ใหญ่กว่าเรือลำอื่นๆ
หรือจะนั่งพักผ่อนแบบสบายๆ ที่ The Sanctuary เลาจน์ที่เป็นสปาแบบเอาท์ดอร์ มีบริการทั้งเครื่องดื่มและอาหารว่างเบาๆ ที่เป็นเมนูพิเศษสำหรับคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ ซึ่งพื้นที่ตรงส่วนนี้จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวและหลบร่มกันสักหน่อย นั่งพักผ่อนแถว The Sanctuary ก็ได้
มีสปาแบบเอาท์ดอร์ให้บริการด้วยนะ นวดไปรับลมทะเลไป เคลิ้มหลับแน่นอน
ช่วงกลางคืน บริเวณสระว่ายน้ำจะถูกเปลี่ยนเป็น Movies Under the Stars โรงหนังกลางแจ้งที่สวยที่สุดในโลก เพราะล้อมรอบไปด้วยทะเลและอยู่ใต้หมู่ดาว ฉายหนังดัง คอนเสิร์ต หรือฟุตบอลแมทช์สำคัญให้ดู และบนดาดฟ้ายังมีโชว์พิเศษที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่าง Princess Watercolor Fantasy โชว์แสงสีกับน้ำพุที่ยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงกว่าสามสิบฟุต ซึ่งไม่ได้มีในเรือทุกลำ
พอฟ้าเริ่มมืด ได้เวลาเปลี่ยนสระว่ายน้ำบนดาดฟ้าเป็นโรงหนังแล้ว ประทับใจสุดๆ เพราะได้ดูหนังพร้อมดูดาวและชมวิวทะเลไปในตัว
ส่วนด้านในของเรือแฝดนี้ มีโถงกลางหรือที่เรียกว่าเอเทรียม เป็นสไตล์ปิอาซ่า (Piazza) ที่หรูหราแบบสุดๆ ซึ่งอลังการกว้างขวางกว่าเรือลำอื่นๆ เกือบเท่าตัว มองไปทางไหนก็น่าตื่นตาตื่นใจ มีบันไดวนและลิฟต์แก้วให้ขึ้นไปดูวิวภายในเรือแบบพาโนราม่า รอบด้านยังมีเล้าจน์ ร้านอาหาร และคาเฟ่หลายร้าน เช่น อินเทอร์เน็ตคาเฟ่, Vines Bar บาร์ที่ได้ชื่อว่าเป็น Best Wine Bars at Sea โดยหนังสือพิมพ์ USA Today และยังมีโซนช้อปปิ้งให้เลือกซื้อทั้งเสื้อผ้า นาฬิกา และของแบรนด์เนมอื่นๆ ในราคาเท่าดิวตี้ฟรี เท่านั้นยังไม่พอ บางครั้งส่วนเอเทรียมนี้ยังมีการแสดงสนุกๆ มาโชว์ให้ดูแบบใกล้ชิดอีกด้วย
ห้องโถงกลางเรือใหญ่โต อลังการ เหมือนอยู่ในพระราชวังหรูหรา โดยเฉพาะบันไดวนที่เลื่องลือกันว่าสวยงามมาก
ภายในเรือสำราญที่ใหญ่โตลำนี้ แน่นอนว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมือนอยู่ในโรงแรมห้าดาวบนฝั่ง มีสปา ซึ่ง Lotus Spa ของที่นี่น่าใช้บริการมากๆ เพราะได้ชื่อว่าเป็น ‘Best Spa on a Cruise Ship’ โดย Spafinder Wellness 365 เว็บไซต์เชี่ยวชาญด้านสปาชื่อดังระดับโลก ส่วนคนที่เสพติดการออกกำลังกาย ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เอ็กเซอร์ไซส์ระหว่างเดินทาง บนเรือมีฟิตเนสเซนเตอร์ที่มีอุปกรณ์พร้อม แถมยังมีคลาสเรียกเหงื่อ เช่น โยคะและซุมบ้า อีกด้วย
คนที่ติดการออกกำลังกาย ก็มีฟิตเนสให้ยืดเส้นยืดสาย มีคลาสโยคะด้วย ไม่ต้องแบกอุปกรณ์มา เพราะทางเรือจัดให้พร้อม
ไม่ว่าเราจะอยู่บนเรือ 3-4 วันหรือ 2-3 วีค ก็ไม่มีเบื่อ เพราะมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำตลอดเวลา และที่ไม่ควรพลาดคือ ลองเข้าไปเสี่ยงโชคในคาสิโนที่มีทั้งสล็อต แบล็คแจ็ค โป้กเกอร์ หรือถ้าอยากหามุมสงบและนั่งอ่านหนังสือ บนเรือก็มีห้องสมุดให้บริการหนังสือมากกว่า 2,000 เล่ม! สำหรับคนชอบความบันเทิง แสง สี เสียง ก็ไม่ต้องกลัวชีวิตไร้สีสัน เพราะบน Royal Princess และ Regal Princess มี Princess Theater โรงละครที่จัดการแสดงตื่นตาให้เราดูหลายโชว์ และมีโชว์ชื่อดังระดับโลกให้ชมแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะบนเรือของ Princess Cruises ด้วย
อยากลองเล่นคาสิโนมานานแล้ว ตั้งลองกันสักตั้ง! นั่งเล่นกันยาวๆ ไปเลย
สำหรับคนที่อยากพากันไปเที่ยวทั้งครอบครัว เรือแฝดสองลำนี้ก็เหมาะมาก เพราะสะดวกสบายมีกิจกรรมที่เหมาะกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย บ้านไหนที่มีเด็กๆ อายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ต้องกลัวพวกเขาเบื่อเลย เพราะว่าบนเรือมีโซนสำหรับเด็ก และมีของเล่นเตรียมไว้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอเกม มีหนังให้ดู พร้อมอุปกรณ์ทำงานประดิษฐ์และงานศิลปะ พวกเขาจะสนุกกันได้ทั้งวันแน่นอน
ห้องกิจกรรมสำหรับเด็กๆ ดูสนุกไม่แพ้ของผู้ใหญ่ สีสันสดใสแบบนี้เด็กๆ ติดใจไม่ยอมออกไปไหนกันเลยทีเดียว
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง การท่องเที่ยวก็เช่นกัน ดังนั้นลองไปดูส่วนของร้านอาหารกันบ้าง Royal Princess และ Regal Princess มีห้องอาหารน่าสนใจหลายประเภท และหนึ่งในนั้นคือ Chef’s Table Lumiere ห้องอาหารที่เป็นซิกเนเจอร์ของเรือ ที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นตรงที่เปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปชมการเตรียมอาหารถึงในครัว พร้อมพูดคุยกับเชฟระดับเวิร์ลดคลาสแบบตัวต่อตัว ก่อนจะไปนั่งชิมอาหารรสเลิศในบรรยากาศหรูหรา ซึ่งเชฟจะปรุงให้เข้ากับรสนิยมของแขกแต่ละคนโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาสถานที่ฉลองวันพิเศษ อย่างฮันนีมูนหรือวันครบรอบแต่งงาน หรือจะเลือกโรแมนติกแบบเป็นส่วนตัวที่ระเบียงห้องของตัวเอง ทางเรือก็มีบริการจัด Ultimate Balcony Dining เสิร์ฟอาหารเป็นคอร์สและเครื่องดื่มให้ถึงห้อง พร้อมเซอร์วิสระดับห้าดาว
เดินชมเรือที่ใหญ่ขนาดนี้ ก็ต้องขอนั่งพักเบรกกินกาแฟและขนมกันบ้าง รอบๆ เอเทรียม
มีคาเฟ่เสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารอยู่หลายร้าน เลือกนั่งตามใจชอบได้เลย (พนักงานบริการสุภาพมาก)
ส่วนห้องอาหารอื่นๆ บนเรือก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ใครที่ชอบกินอาหารอิตาเลียนแบบแท้ๆ ต้องแวะที่ Sabatini’s ซึ่งหลายเมนูของที่นี่สั่งตรงมาจากมิลาน และจานเด็ดที่ไม่ควรพลาดคือ Manicotti Alla Sorrentina, Costoletta di Vitello alla Milanese เนื้อลูกวัวสับโรยด้วยขนมปังกรอบ, Saltimboca alla Fiorentina เนื้อลูกวัวกับแฮมอิตาเลียน ผักขมและฟองดูชีส หรือถ้าอยากลองกินสเต็กแบบพรีเมียมต้องไปที่ Crown Grill ซึ่งเสิร์ฟซีฟู้ดสดๆ ด้วย การันตีความอร่อยของอาหารที่นี่ด้วยตำแหน่ง Best Cruise Ship Steakhouses
(ซ้าย) ลองชิมสเต็กชิ้นใหญ่ที่ Crown Grill หนานุ่ม ละลายในปาก สมเป็น Best Cruise Ship Steakhouses
(ขวา) Manicotti Alla Sorrentina สไตล์อิตาเลียนจานนี้อร่อยตั้งแต่คำแรกที่ชิมและได้รสชีสแบบเต็มๆ
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Regal Princess และ Royal Princess แตกต่างจากเรือลำอื่น คือ SeaWalk ทางเดินแก้วที่ยื่นออกไปลอยเหนือทะเลในระดับความสูง 128 ฟุต จากน้ำทะเล เมื่อเดินออกไปจะให้ความรู้สึกเหมือนลอยอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ซึ่งเราจะหาประสบการณ์เหนือจินตนาการแบบนี้ได้ยากแน่นอน
(ซ้าย) ถ่าย Seawalk จากมุมด้านนอกให้เห็นกันชัดๆ ว่าสูงแค่ไหน เจ้าหน้าที่บอกว่าสูงจากน้ำทะเล 128 ฟุต!
(ขวา) อีกมุมพิเศษบน Royal Cruises ทางเดินแก้ว Seawalk ที่เดินแล้วเหมือนลอยอยู่กลางทะเล หวาดเสียวมาก! แต่วิวสวย ประทับใจสุดๆ
ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์การเดินทางใหม่ๆ ไปพร้อมกับ Regal Princess และ Royal Princess แบบนี้ ติดตามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Princess Cruises Thailand (Exclusively by Regale International Travel) โทร. 02 635 2450-69 หรืออีเมล gsa@regaleintl.com