หากพูดถึงสถานที่ที่สวยที่สุดในโลก ‘อลาสก้า’ ดินแดนแห่งขั้วโลกเหนือต้องติดอันดับท็อป 5 อย่างแน่นอน เพราะที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลายและสวยงาม ทั้งภูเขาน้ำแข็ง ธารน้ำแข็ง ป่าอันสมบูรณ์และสัตว์ป่า แต่อย่างที่เรารู้กันว่าการเดินทางไปอลาสก้าค่อนข้างลำบาก ต้องนั่งเครื่องบินข้ามไปอีกซีกโลก และการเที่ยวทางบกด้วยตัวเองก็ค่อนข้างยากมาก เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ธารน้ำแข็ง หรือไม่ก็ฟยอร์ด (Fjord) อ่าวแคบๆ ไม่มีถนนเข้าถึง หลายเมืองสำคัญแทรกตัวอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ถ้าอยากดูธรรมชาติอันมหัศจรรย์เหล่านี้แบบเต็มตาและใกล้ชิดที่สุด ต้องเดินทางเข้าไปพร้อมเรือล่องสมุทรขนาดใหญ่ ซึ่งการท่องเที่ยววิธีนี้จึงกลายเป็นตัวเลือกยอดฮิตของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั่นเอง
Princess Cruises พาสำรวจอลาสก้าในมุมที่แตกต่างและยากจะเข้าถึง
อลาสก้าล้อมรอบไปด้วยภูเขาน้ำแข็งสีขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา เรียกได้ว่ามองไปทางไหนก็เจอ อากาศเย็นบริสุทธิ์จนรู้สึกได้ทุกครั้งที่หายใจ ส่วนไฮไลท์ของอลาสก้าที่ใครไม่แวะไปก็เหมือนมาไม่ถึง คือ กลาเซียร์ เบย์ เนชั่นแนล พาร์ค (Glacier Bay National Park) อุทยานแห่งชาติที่มีธารน้ำแข็งน้อยใหญ่บนพื้นที่ประมาณ 3 ล้านเอเคอร์ ทุกคนเข้าไปเที่ยวได้โดยเรือสำราญเท่านั้น และจำกัดจำนวนเรือเข้าชมเพียงวันละ 2 ลำ ดังนั้นหากคิดจะไปเที่ยวอลาสก้าจึงควรให้ดูรายละเอียดทริปให้ดี ถ้าจะให้แน่นอนที่สุดควรเลือกใช้บริการเรือสำราญระดับ 5 ดาวของ Princess Cruises ซึ่งคุ้นเคยกับเส้นทางนี้มานานกว่า 50 ปี และได้รับสิทธิ์ให้ล่องไปชมความอลังการของ Glacier Bay มากที่สุดถึง 6 ลำตลอดฤดูกาล 5 เดือนเต็ม!
อลาสก้าได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งธรรมชาติอันหลากหลาย และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์หายากนานาพันธุ์
เสน่ห์ของอลาสก้าไม่ได้มีแค่ภูเขาน้ำแข็ง แต่ยังมีธรรมชาติหลากหลายให้ชื่นชม ภาพที่ประทับใจสุดๆ ในทริปนี้ คือทุ่งสีเขียวตัดสลับกับภูเขาสีขาวโพลน ทุ่งหญ้าที่อลาสก้าก็ไม่ธรรมดา มีเปลี่ยนเป็นสีออกแดงๆ ด้วย นอกจากนี้ยังได้ตื่นเต้นไปกับทัวร์ดูสัตว์หายากอย่างแมวน้ำ สิงโตทะเล นกอินทรีหัวขาว และวาฬหลากหลายสายพันธุ์
ปูอลาสก้าเนื้อแน่นและแซลมอนสดๆ หนึ่งในเมนูที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางไปอลาสก้ากับ Princess Cruises
นอกจากอาหารตาแล้ว กองทัพยังต้องเดินด้วยท้อง เมนูพลาดไม่ได้ คืออาหารทะเลสดๆ อย่างปูอลาสก้าเนื้อแน่น และแซลมอนคุณภาพพรีเมียมที่มาถึงแล้วต้องลิ้มรสให้ได้ และถ้าใครเดินทางกับ Princes Cruises ก็ไม่ต้องไปตระเวนหาร้านอาหารให้เสียเวลา เพราะเมนูเหล่านี้มีให้บริการในห้องอาหารบนเรือโดยเชฟมืออาชีพที่เชี่ยวชาญด้านอาหารทะเลของอลาสก้าโดยเฉพาะ
สัมผัสสภาพแวดล้อมที่เป็นธารน้ำแข็งและภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนทั่วโลกหลงใหลอลาสก้า
แค่นี้ก็อยากเก็บกระเป๋าไปเที่ยวอลาสก้ากันแล้วใช่ไหม แล้วไปช่วงไหนดี!? จริงๆ แล้วอลาสก้าสวยงามแตกต่างกันในแต่ละเดือน แต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงประมาณกลางเดือนกันยายนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะเป็นช่วงฤดูร้อนของอลาสก้าซึ่งอุทยานแห่งชาติกลาเซียร์ เบย์ จะเปิดให้เข้าชมธารน้ำแข็งได้
เพลิดเพลินกับการนั่งสุนัขลากเลื่อนบนหิมะ หนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนดินแดนแห่งขั้วโลก
ใครไปเที่ยวดินแดนขั้วโลกนี้แล้ว อย่าลืมเก็บความประทับใจมาเล่าบอกต่อกันด้วยนะ:D