หนึ่งในวิธีเดินทางท่องเที่ยวประเทศที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่อย่างอเมริกาและแคนาดาได้สนุกครบรส และคุ้มค่าเวลาที่สุด ก็คือ การล่องเรือสำราญ โดยเฉพาะเส้นทางทัวร์นิวยอร์กแบบ Roundtrip และอีกเส้นทางคือ นิวยอร์ก – ควิเบก ที่จะเรียกว่าเป็นเส้นทางสุดคุ้มค่าก็ว่าได้ เพราะคุณจะได้สัมผัสกับอรรถรสในการเดินทางที่ครบครัน ตั้งแต่การได้ตื่นตาตื่นใจไปกับแสงสีแห่งความเจริญของเมืองใหญ่ในมหานครที่ไม่เคยหลับใหลอย่าง “นิวยอร์ก” ย้อนเวลาศึกษาประวัติศาสตร์ชาติอเมริกันผ่านเมืองเก่าแก่อย่าง “บอสตัน” อิ่มเอมกับธรรมชาติอันอุดมในอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง ก่อนไปจบที่ “ควิเบก” เมืองเก่าแก่ที่ได้รับสมญาว่า “ฝรั่งเศสแห่งทวีปอเมริกาเหนือ”

 



เหตุผลที่ใครหลายคนยากจะต้านทานเสน่ห์ของการล่องเรือบนเส้นทางสายแคนาดา – นิวอิงแลนด์ คงเพราะการได้ตื่นเช้าขึ้นมาพบกับความแปลกใหม่ในการท่องเที่ยว ที่ฉีกอารมณ์ไปจากเมื่อวันก่อนอย่างสิ้นเชิง ทั้งทิวทัศน์ สังคม และวัฒนธรรม ทันทีที่สิ้นเสียงหวูดเรือ แล้วคุณทอดสายตาออกไปยังชายฝั่ง ก็ให้รู้สึกราวกับบรรยากาศของเมืองใหม่ๆ ที่เรือกำลังเข้าเทียบท่า กำลังกวักมือเรียกให้คุณรีบกระโจนไปสำรวจเมืองเร็วๆ


และแม้การพักผ่อนบนเรือสำราญ Princess Cruises จะมีครบทุกกิจกรรมที่ตอบโจทย์ความสุขของชีวิต ทั้งร้านอาหารที่มีให้เลือกครบทุกแบบ ตั้งแต่อาหารฝรั่งเศสแบบฟูลคอร์ส ไปจนถึงบุฟเฟต์ซีฟู้ด มีโรงภาพยนตร์กลางแจ้งให้นอนดูหนังท่ามกลางหมู่ดาวบนดาดฟ้า มีดนตรีสดให้ฟังไม่ซ้ำแนว มีกิจกรรมออกกำลังกายและกีฬาให้ผ่อนคลายครบทุกประเภท

 

 

แล้วอะไรทำให้คุณยังต้องลงไปจากเรือลำนี้อีก? คำตอบก็คือ เสน่ห์ดึงดูดใจของทุกเมืองปลายทาง ทั้งทิวทัศน์อันเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกันของเมืองท่าแต่ละแห่ง เช่น เรือยอร์ชที่จอดกันอย่างแน่นขนัด ณ ท่าเทียบเรือนิวพอร์ท รัฐโร้ดไอส์แลนด์ ตึกระฟ้าที่ตั้งเบียดกันจนแทบจะมองไม่เห็นเส้นขอบฟ้าในนิวยอร์ก ท่าเรือที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ที่ฮาลิแฟกส์ เมืองหลวงของรัฐโนวาสโคเชีย แคนาดา ฯลฯ

 

 


รวมถึงการได้เปลี่ยนอิริยาบถไปเดินยืดเส้นยืดสายสัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในเขตอุทยานแห่งชาติ ตั้งแต่ในรัฐเมน ไปจนถึงมณฑลนิวบรันสวิค ประเทศแคนาดา หรือใครไม่ฝักใฝ่กิจกรรมเดินป่า แต่ชอบเดินเที่ยวในเมือง รับรองว่าต้องถูกใจเส้นทางศึกษาร่องรอยประวัติศาสตร์ของเมืองเก่าแก่อย่างบอสตัน และเต็มอิ่มกับวัฒนธรรมฝรั่งเศสแบบเข้มข้น ที่ข้ามมหาสมุทรมาคุกรุ่นอยู่ในเมืองควิเบก ประเทศแคนาดา ที่แม้จะเก่าแก่นานหลายศตวรรษก็ยังคงมนต์ขลังไม่เสื่อมคลาย

ทั้งหมดนี้คือทุกมิติความสนุกที่น่าค้นหาของเส้นทางแคนาดา – นิว อิงแลนด์

 

 

Plan your trip

Princess Cruises เตรียมเรือ Regal Princess และ Royal Princess ไว้สำหรับบริการในเส้นทางแคนาดา – นิว อิงแลนด์ ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ตลอดเดือนกันยายนถึงตุลาคมของทุกปี การเดินทางมีทั้งเที่ยวเดียวและไป-กลับ โดยมีระยะเวลาให้เลือกตั้งแต่ 4-14 วัน

เส้นทางแนะนำคือเส้นทางทัวร์ไป-กลับ 7 Days Canada & New England – Roundtrip from New York ที่จะพาคุณแวะเที่ยวเมืองท่าสำคัญได้ครบทุกจุดภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้ามีเวลามากกว่านั้น อยากให้สำรวจชายฝั่งตะวันออกของแคนาดาและสหรัฐอเมริกาแบบเจาะลึก ในเส้นทาง Classic Canada & New England ที่เลือกได้ว่าจะเริ่มการเดินทางจากมหานครนิวยอร์กไปจบที่ควิเบค หรือออกเดินทางจากควิเบคมายังนิวยอร์ก

หรือหากต้องการสัมผัสประสบการณ์การล่องเรือที่แสนสุนทรีย์ในบรรยากาศแบบอังกฤษ สามารถเดินทางไปกับเรือสำราญ Cunard ในเส้นทาง Quebec, Halifax and New York และ New England and Canada ระยะเวลา 7 คืน

What to explore

 

ใครอยากเที่ยวแบบลงลึกในรายละเอียด แนะนำให้ซื้อ Shore excursion เพิ่มเติม เพื่อจะได้เที่ยวแต่ละเมืองได้ละเอียดยิ่งขึ้น เพราะเป็นทัวร์ชายฝั่งแบบ one day trip ที่เรือจอดแวะแต่ละท่าระหว่างการล่องเรือ หรือซื้อแพ็กเกจ 7-day cruise plus 7-night land tour ที่จะทำให้คุณได้เที่ยวเมืองอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น เก็ตตี้สเบิร์ก, ฟิลาเดลเฟีย, วอชิงตัน ดี ซี ฯลฯ หรือ แพ็กเกจ 10-14 day cruise plus 5-night land tour ที่เน้นหนักไปยังแคนาดา ได้เยือนน้ำตกไนแองการา, มอนทรีอัล, ออตตาวา ฯลฯ แบบจุใจ สำหรับคนที่ชื่นชอบ หรือถ้าจะเดินเที่ยวเองวันต่อวัน ก็ลุยได้เลยตามไฮไลท์ที่เราเก็บมาฝาก ดังต่อไปนี้


New York City, New York มหานครนิวยอร์ก มีครบทุกรสชาติสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน ตั้งแต่การเก็บภาพมุมสูงจากตึก Empire State เดินเล่นชิลๆ ใน Central Park อันกว้างใหญ่ นั่งเรือเฟอรี่ชมเทพีเสรีภาพและเก็บภาพเส้นขอบน้ำตัดกับตึกสูงระฟ้า ดื่มด่ำที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ The Metropolitan Museum of Art หรือพิพิธภัณฑ์เฉพาะทางอื่นๆ ที่คุณสนใจ และรำลึกถึงผู้สูญเสีย ณ The National 9/11 Memorial & Museum ที่สำคัญคือไม่ควรพลาดการชมละครบรอดเวย์และเดินเล่นที่ไทม์สแควร์อันเต็มไปด้วยแสงสียามค่ำคืน

New Port, Rhode Island นิวพอร์ทอาจโด่งดังจากการแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้งและเทศกาลดนตรีริมทะเลที่จัดขึ้นช่วงฤดูร้อน แต่การเดินทางเยือนเมืองนี้ไปพร้อมกับ Princess cruises ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ก็มีสถาปัตยกรรมโคโลเนียลให้เดินสำรวจจนเพลินได้ทั้งวัน หรือจะนั่งรถเที่ยวชมเมืองบนเส้นทาง Ocean Drive ที่ยาวกว่า 20 กิโลเมตร ก็ถือเป็นอีกวิธีที่ดีในการเสพความงามของตึกรามบ้านช่องเก่าแก่สวยคลาสสิก ที่บรรดาเศรษฐีชาวนิวยอร์คมาสร้างบ้านพักตากอากาศในแถบนี้ไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ได้เต็มอิ่ม

Boston, Massachusettes มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย ตั้งแต่การเดินสำรวจสถานทีสำคัญทางประวัติศาสตร์ตามเส้นทาง Freedom Trailถนนสายเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองมากว่า 250 ปี หรือเที่ยว Museum of Science เพื่อชมโครงกระดูกไดโนเสาร์และโดมผีเสื้อขนาดยักษ์, Museum of Fine Arts Bostonที่จัดเก็บสมบัติโบราณสำคัญจากทั่วโลก หรือ Harvard Art Museum and Museum of Natural History จัดแสดงพันธุ์ดอกไม้ พืชและแมลงที่ทำจากแก้วกว่า 3,000 ชิ้น สำหรับใครที่ชื่นชอบใบไม้เปลี่ยนสี แค่เดินทอดน่องหรือปั่นจักรยานเที่ยวในฤดูนี้ก็คุ้มค่าแล้ว

Bar Harbor, Maine สัญลักษณ์เด่นอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือ ประภาคาร และท้องทะเลที่เต็มไปด้วยฝูงนกพัฟฟิน ซึ่งหาชมได้ในแถบนี้เท่านั้น ด้วยความที่วิถีชีวิตของนกพัฟฟินจะอยู่แต่ในทะเล ขึ้นบกก็เฉพาะตอนวางไข่ ทำให้หากอยากเห็นเจ้านกจงอยปากสีสดใส ต้องล่องเรือไปดูกลางทะเล แนะนำให้ซื้อทริปล่องเรือชมวาฬเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้ชมวาฬและนกพัฟฟินแบบเต็มอิ่มยิ่งขึ้น ที่สำคัญ อย่าลืมเผื่อเวลากินล็อปสเตอร์สดๆ จากทะเล ของดีที่เป็นไฮไลท์ประจำรัฐเมน

Saint John, New Brunswick อ่าวฟันดี้เป็นอ่าวที่มีระดับน้ำขึ้นสูงที่สุดในโลก โดยเวลาที่น้ำขึ้นจะมีปริมาณน้ำสูงขึ้นถึง 16.2 เมตร และมีปริมาณน้ำไหลเข้าและออกจากอ่าวมากกว่าแสนล้านตันต่อวัน ทำให้เกิดลักษณะนิเวศวิทยาทางทะเลแบบเฉพาะตัว หินตามชายฝั่งจึงมีรูปร่างแปลกตา ทั้งยังห้ามพลาดการไปเยือน Joggins Fossil Cliffs ชั้นหินที่มีซากฟอสซิลยุคหินที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้ชมเป็นขวัญตา

Halifax, Nova Scotia ห้ามพลาดการไปถ่ายรูปหมู่บ้านชาวประมงสีสันสดใสที่ Peggy’s Cove บริเวณชายฝั่งตะวันออกของอ่าวเซนต์มากาเรตส์ ที่มีประคารเพ็กกี้ อันถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของแคนาดา ตั้งตระหง่านอยู่ ณ บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์เซนต์จอห์น แห่งนิกายแองกลิกันอันเก่าแก่ และยังมีพิพิธภัณฑ์ทางการทะเลฝั่งแอตแลนติก และพิพิธภัณฑ์คนเข้าเมืองแห่งแคนาดาให้เยี่ยมชม ส่วนนักดื่มแนะนำว่าห้ามพลาดการไปปักหลักดื่มเบียร์ที่โรงกลั่นเบียร์อเล็กซานเดอร์คีธ ที่เปิดทำการมาตั้งแต่ ค.ศ. 1820!

Quebec, Canada การได้เดินทอดน่องบนถนนที่ปูด้วยก้อนหินในสมัยโบราณ ในย่าน Quartier Petit-Champlain ชวนให้จินตนาการถึงบรรยากาศเมื่อ 400 ปีก่อน ของควิเบกได้อย่างแจ่มชัด ไม่แปลกใจที่เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก แล้วอย่าลืมไปถ่ายรูปคู่กับอนุสาวรีย์ของช็องแปล็งที่ลาน Place d’Armes และ Chateau Frontenac อาคารขนาดใหญ่หลังคาสีเขียวสด อันเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง แนะนำให้ซ้อมสนทนาภาษาฝรั่งเศสไว้หลายๆ ประโยค จะเที่ยวเมืองนี้ได้สนุกยิ่งขึ้น